ธุรกิจส่วนตัว คืออะไร จำต้องเตรียมพร้อม อย่างไร
ธุรกิจส่วนตัว คืออะไร จำต้องเตรียมพร้อม อย่างไร
การมีธุรกิจส่วนตัวเป็นความใฝ่ฝันของคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเป็นอิสระทั้งยังด้านการเงินและก็เวลา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) ยิ่งในตอนนี้การมีงานประจำไม่ได้การันตีถึงความยั่งยืนเสมอ ภาวะแรงกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินงาน รายการจ่ายที่ไม่ชมรมกับรายได้ และก็วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์วัววิด-19 ทำให้คนยุคนี้ตื่นตัวและก็มีความสนใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัวกันมากเพิ่มขึ้น
ทำธุรกิจส่วนตัวจำต้องเตรียมตัวด้านไหนบ้าง
อย่างไรก็ดีแนวทางการทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ง่าย ผู้ที่คิดจะทำธุรกิจจึงควรเตรียมตัวในด้านต่างๆต่อแต่นี้ไป
1. ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ทำ
วิชาความรู้แล้วก็ข้อมูลในธุรกิจที่ทำเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่คิดจะประกอบธุรกิจ อาทิเช่น คนที่พึงพอใจทำธุรกิจแฟรนไชส์ ควรศึกษาเรียนรู้หาข้อมูลวิชาความรู้ในธุรกิจที่จะทำ หาข้อมูลแบบการลงทุน ทำความเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์ ค่าแฟรนไชส์สำหรับเพื่อการลงทุน ช่องทางสำหรับในการคืนทุน ฯลฯ ยิ่งถ้าหากเป็นธุรกิจที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนั้นๆเป็นเรื่องจำเป็นแล้วก็จำเป็นมาก
2. แบบการดำเนินธุรกิจ
ขั้นแรกคนที่จะเริ่มธุรกิจควรจะพิเคราะห์แบบวิธีการทำธุรกิจว่าจะเป็นแบบผู้ครอบครองผู้เดียว ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท โดยประเมินความเหมาะสมรวมทั้งจุดเด่นจุดด้วยในแบบอย่างธุรกิจแต่ละชนิด การเขียนทะเบียนธุรกิจ เป็นการแจ้งกำเนิดธุรกิจอย่างเป็นทางการ ซึ่งคนที่คิดจะเริ่มธุรกิจควรจะมีพื้นความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนธุรกิจด้วย โดยธรรมดาแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ตัวอย่างเช่น
การเขียนทะเบียนการค้าขายสำหรับบุคคลปกติ ซึ่งเหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน
การเขียนทะเบียนนิติบุคคล ยกตัวอย่างเช่น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด
ซึ่งผู้ประกอบกิจการโดยมากนิยมลงทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเพราะเหตุว่ามีผลดีค่อความน่าไว้ใจ มีการดำเนินงานเป็นระบบเป็นขั้นตอน และก็อำนวยต่อการระดมทุนอาทิเช่นการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
3. เงินทุน
ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าเงินทุนเป็นปัจจัยหลักสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ นักลงทุนจะต้องมีเงินลงทุนพอเพียงสำหรับการเริ่มธุรกิจ ไม่สมควรนำเงินเก็บทั้งผองมาลงทุน ต่อเมื่อมีการขยายธุรกิจแล้วก็ค่อยพิเคราะห์การยืมเงิน คนที่จะเริ่มธุรกิจส่วนมากนิยมเปิดในรูปของบริษัทจำกัดซึ่งสำหรับในการลงบัญชีตั้งขึ้นบริษัทจำกัดกับกรมปรับปรุงธุรกิจการค้ากำหนดให้จ่ายค่าหุ้นในวันขึ้นทะเบียนตั้งขึ้น ไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 25% ของทุนที่ลงทะเบียน
อย่างเช่น ทุนสำหรับจดทะเบียน 1 ล้านบาทจะต้องจ่ายค่าหุ้นในวันลงทะเบียนตั้งขึ้นไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 250,000 บาท การก่อตั้งบริษัท กฏหมายระบุให้มีผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ 3 คนขึ้นไปสำหรับในการตั้งขึ้นบริษัท ตอนนี้การเขียนทะเบียนตั้งขึ้นโดยผู้ครอบครองผู้เดียวหรือสองคนยังคงเป็นร่างกฎหมายที่คอยอนุมัติอยู่ ด้วยเหตุนั้นการก่อตั้งบริษัทต้องมีเงินลงทุนสำหรับจ่ายค่าหุ้นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว
4. มีความรู้ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและก็วิถีทางการจำหน่าย
เป็นการระบุว่าลูกค้าของธุรกิจเป็นคนใดกัน อยู่ไหน ควรศึกษาเรียนรู้ความอยากได้ของตลาดและก็ความประพฤติสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ของลูกค้า เหตุที่ลูกค้าใช้สำหรับเพื่อการตกลงใจซื้อ ยิ่งกว่านั้นควรจะพิจารณาถึงวิถีทางการขายสำหรับการเข้าพบลูกค้าตัวอย่างเช่นการผ่านวิถีทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ มี วิถีทาง Social Network ตัวอย่างเช่น Facebook, LINE, Instagram ฯลฯ วิถีทาง Marketplace ดังเช่น Lazada, Shopee ฯลฯ หรือวิธีขายผ่าน Website ของกิจการค้า และหนทางการค้าขายแบบเริ่มแรก (Traditional Trade) ดังเช่นว่า ร้านขายปลีก ร้านส่ง ตัวแทนขาย ฯลฯ หรือแม้กระทั้งวิธีขายผ่านร้านขายของแบบยุคใหม่ (Modern Trade) อาทิเช่น ร้านค้าสบายซื้อ,ซูเปอร์มาร์เก็ต,แนวทางการขายผ่านแคตตาล็อก ฯลฯ
5. การเตรียมจ้างแรงงานเจ้าหน้าที่
ผู้ริเริ่มธุรกิจควรจะคิดถึงพนักงานที่จะมาร่วมงานตามสมควร ในตอนแรกที่ยังไม่มีปริมาณรายการจำหน่ายมากมายผู้ครอบครองสามารถปฏิบัติงานได้เพียงผู้เดียวหรือว่าจ้างข้าราชการ 1-2 คน มาช่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเอกสารธรรมดา แล้วก็เปลี่ยนแปลงสำหรับในการว่าจ้างบุคลากรในส่วนงานต่างๆเมื่อมีการขยายตัวของธุรกิจการค้า ไปจนกระทั่งการจัดองค์ประกอบหน่วยงานมีการแบ่งแผนกตามหน้าที่งานเมื่อมีการดำเนินงานในรูปของบริษัท
6. การจัดทำแผนธุรกิจ
การค้นคว้าสำหรับในการทำแผนธุรกิจจะก่อให้กำเนิดข้อดีสำหรับการชิงชัย เป็นการประเมินข้อบกพร่องลักษณะเด่นของธุรกิจเอง แล้วก็จังหวะแล้วก็การเสี่ยงสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ การวิเคราะห์คู่ต่อสู้ การจัดหาคู่ค้าทางธุรกิจดังเช่น ตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบ,ผู้สนับสนุนทางธุรกิจ ฯลฯ และก็การคาดคะเนเงินลงทุนต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ การกำหนดจุดขายของธุรกิจ การนำเทคโนโลยีที่สมควรมาใช้ ฯลฯ
7. การเตรียมความพร้อมสำหรับการทำบัญชี
หากธุรกิจเป็นต้นแบบบุคคลปกติหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่จำเป็นที่ต้องจัดให้มีการทำบัญชีและก็หาผู้ตรวจสอบบัญชี แต่ว่าจำเป็นต้องทำบัญชีรายได้ค่าใช้จ่ายจากที่ประมวลรัษฎากรระบุ ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบกิจการเสียภาษีอากรรายได้บุคคลปกติรายปี ใช้เพื่อสำหรับในการประมวลผลการจัดการของกิจการค้าได้
แม้กระนั้นกรณีธุรกิจการค้าที่เป็นนิติบุคคลจะต้องจัดให้มีผู้ที่ทำบัญชีแล้วก็ผู้ตรวจสอบบัญชีของกิจการค้า โดยสำหรับในการทำบัญชีธุรกิจสามารถว่าจ้างที่ทำการบัญชี, ผู้ที่ทำบัญชีอิสระหรือว่าจ้างนักบัญชีเอง ธุรกิจการค้าควรจะหาโปรแกรมบัญชีที่มีความล้ำยุคเหมาะสมกับธุรกิจเนื่องจากว่าจะช่วยทำให้วิธีการทำบัญชีสบายรวดเร็วทันใจ เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมบัญชีแบบออนไลน์ให้เลือกใช้ สามารถสร้างเอกสารทางบัญชีได้ทางออนไลน์ มีระบบระเบียบการตรวจทานทุกขั้นตอนสำหรับเพื่อการออกงบการเงิน มีระบบระเบียบการรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยรวมทั้งให้งบการเงินที่ถูกตรงเวลาแล้วก็รายงานทางด้านการเงินที่สำคัญทางธุรกิจที่ผู้ประกอบกิจการเอาไปใช้คิดแผนได้
การมีธุรกิจส่วนตัวเป็นความใฝ่ฝันของคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเป็นอิสระทั้งยังด้านการเงินและก็เวลา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) ยิ่งในตอนนี้การมีงานประจำไม่ได้การันตีถึงความยั่งยืนเสมอ ภาวะแรงกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินงาน รายการจ่ายที่ไม่ชมรมกับรายได้ และก็วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์วัววิด-19 ทำให้คนยุคนี้ตื่นตัวและก็มีความสนใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัวกันมากเพิ่มขึ้น
ทำธุรกิจส่วนตัวจำต้องเตรียมตัวด้านไหนบ้าง
อย่างไรก็ดีแนวทางการทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ง่าย ผู้ที่คิดจะทำธุรกิจจึงควรเตรียมตัวในด้านต่างๆต่อแต่นี้ไป
1. ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ทำ
วิชาความรู้แล้วก็ข้อมูลในธุรกิจที่ทำเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่คิดจะประกอบธุรกิจ อาทิเช่น คนที่พึงพอใจทำธุรกิจแฟรนไชส์ ควรศึกษาเรียนรู้หาข้อมูลวิชาความรู้ในธุรกิจที่จะทำ หาข้อมูลแบบการลงทุน ทำความเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์ ค่าแฟรนไชส์สำหรับเพื่อการลงทุน ช่องทางสำหรับในการคืนทุน ฯลฯ ยิ่งถ้าหากเป็นธุรกิจที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนั้นๆเป็นเรื่องจำเป็นแล้วก็จำเป็นมาก
2. แบบการดำเนินธุรกิจ
ขั้นแรกคนที่จะเริ่มธุรกิจควรจะพิเคราะห์แบบวิธีการทำธุรกิจว่าจะเป็นแบบผู้ครอบครองผู้เดียว ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท โดยประเมินความเหมาะสมรวมทั้งจุดเด่นจุดด้วยในแบบอย่างธุรกิจแต่ละชนิด การเขียนทะเบียนธุรกิจ เป็นการแจ้งกำเนิดธุรกิจอย่างเป็นทางการ ซึ่งคนที่คิดจะเริ่มธุรกิจควรจะมีพื้นความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนธุรกิจด้วย โดยธรรมดาแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ตัวอย่างเช่น
การเขียนทะเบียนการค้าขายสำหรับบุคคลปกติ ซึ่งเหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน
การเขียนทะเบียนนิติบุคคล ยกตัวอย่างเช่น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด
ซึ่งผู้ประกอบกิจการโดยมากนิยมลงทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเพราะเหตุว่ามีผลดีค่อความน่าไว้ใจ มีการดำเนินงานเป็นระบบเป็นขั้นตอน และก็อำนวยต่อการระดมทุนอาทิเช่นการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
3. เงินทุน
ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าเงินทุนเป็นปัจจัยหลักสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ นักลงทุนจะต้องมีเงินลงทุนพอเพียงสำหรับการเริ่มธุรกิจ ไม่สมควรนำเงินเก็บทั้งผองมาลงทุน ต่อเมื่อมีการขยายธุรกิจแล้วก็ค่อยพิเคราะห์การยืมเงิน คนที่จะเริ่มธุรกิจส่วนมากนิยมเปิดในรูปของบริษัทจำกัดซึ่งสำหรับในการลงบัญชีตั้งขึ้นบริษัทจำกัดกับกรมปรับปรุงธุรกิจการค้ากำหนดให้จ่ายค่าหุ้นในวันขึ้นทะเบียนตั้งขึ้น ไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 25% ของทุนที่ลงทะเบียน
อย่างเช่น ทุนสำหรับจดทะเบียน 1 ล้านบาทจะต้องจ่ายค่าหุ้นในวันลงทะเบียนตั้งขึ้นไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 250,000 บาท การก่อตั้งบริษัท กฏหมายระบุให้มีผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ 3 คนขึ้นไปสำหรับในการตั้งขึ้นบริษัท ตอนนี้การเขียนทะเบียนตั้งขึ้นโดยผู้ครอบครองผู้เดียวหรือสองคนยังคงเป็นร่างกฎหมายที่คอยอนุมัติอยู่ ด้วยเหตุนั้นการก่อตั้งบริษัทต้องมีเงินลงทุนสำหรับจ่ายค่าหุ้นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว
4. มีความรู้ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและก็วิถีทางการจำหน่าย
เป็นการระบุว่าลูกค้าของธุรกิจเป็นคนใดกัน อยู่ไหน ควรศึกษาเรียนรู้ความอยากได้ของตลาดและก็ความประพฤติสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ของลูกค้า เหตุที่ลูกค้าใช้สำหรับเพื่อการตกลงใจซื้อ ยิ่งกว่านั้นควรจะพิจารณาถึงวิถีทางการขายสำหรับการเข้าพบลูกค้าตัวอย่างเช่นการผ่านวิถีทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ มี วิถีทาง Social Network ตัวอย่างเช่น Facebook, LINE, Instagram ฯลฯ วิถีทาง Marketplace ดังเช่น Lazada, Shopee ฯลฯ หรือวิธีขายผ่าน Website ของกิจการค้า และหนทางการค้าขายแบบเริ่มแรก (Traditional Trade) ดังเช่นว่า ร้านขายปลีก ร้านส่ง ตัวแทนขาย ฯลฯ หรือแม้กระทั้งวิธีขายผ่านร้านขายของแบบยุคใหม่ (Modern Trade) อาทิเช่น ร้านค้าสบายซื้อ,ซูเปอร์มาร์เก็ต,แนวทางการขายผ่านแคตตาล็อก ฯลฯ
5. การเตรียมจ้างแรงงานเจ้าหน้าที่
ผู้ริเริ่มธุรกิจควรจะคิดถึงพนักงานที่จะมาร่วมงานตามสมควร ในตอนแรกที่ยังไม่มีปริมาณรายการจำหน่ายมากมายผู้ครอบครองสามารถปฏิบัติงานได้เพียงผู้เดียวหรือว่าจ้างข้าราชการ 1-2 คน มาช่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเอกสารธรรมดา แล้วก็เปลี่ยนแปลงสำหรับในการว่าจ้างบุคลากรในส่วนงานต่างๆเมื่อมีการขยายตัวของธุรกิจการค้า ไปจนกระทั่งการจัดองค์ประกอบหน่วยงานมีการแบ่งแผนกตามหน้าที่งานเมื่อมีการดำเนินงานในรูปของบริษัท
6. การจัดทำแผนธุรกิจ
การค้นคว้าสำหรับในการทำแผนธุรกิจจะก่อให้กำเนิดข้อดีสำหรับการชิงชัย เป็นการประเมินข้อบกพร่องลักษณะเด่นของธุรกิจเอง แล้วก็จังหวะแล้วก็การเสี่ยงสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ การวิเคราะห์คู่ต่อสู้ การจัดหาคู่ค้าทางธุรกิจดังเช่น ตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบ,ผู้สนับสนุนทางธุรกิจ ฯลฯ และก็การคาดคะเนเงินลงทุนต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ การกำหนดจุดขายของธุรกิจ การนำเทคโนโลยีที่สมควรมาใช้ ฯลฯ
7. การเตรียมความพร้อมสำหรับการทำบัญชี
หากธุรกิจเป็นต้นแบบบุคคลปกติหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่จำเป็นที่ต้องจัดให้มีการทำบัญชีและก็หาผู้ตรวจสอบบัญชี แต่ว่าจำเป็นต้องทำบัญชีรายได้ค่าใช้จ่ายจากที่ประมวลรัษฎากรระบุ ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบกิจการเสียภาษีอากรรายได้บุคคลปกติรายปี ใช้เพื่อสำหรับในการประมวลผลการจัดการของกิจการค้าได้
แม้กระนั้นกรณีธุรกิจการค้าที่เป็นนิติบุคคลจะต้องจัดให้มีผู้ที่ทำบัญชีแล้วก็ผู้ตรวจสอบบัญชีของกิจการค้า โดยสำหรับในการทำบัญชีธุรกิจสามารถว่าจ้างที่ทำการบัญชี, ผู้ที่ทำบัญชีอิสระหรือว่าจ้างนักบัญชีเอง ธุรกิจการค้าควรจะหาโปรแกรมบัญชีที่มีความล้ำยุคเหมาะสมกับธุรกิจเนื่องจากว่าจะช่วยทำให้วิธีการทำบัญชีสบายรวดเร็วทันใจ เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมบัญชีแบบออนไลน์ให้เลือกใช้ สามารถสร้างเอกสารทางบัญชีได้ทางออนไลน์ มีระบบระเบียบการตรวจทานทุกขั้นตอนสำหรับเพื่อการออกงบการเงิน มีระบบระเบียบการรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยรวมทั้งให้งบการเงินที่ถูกตรงเวลาแล้วก็รายงานทางด้านการเงินที่สำคัญทางธุรกิจที่ผู้ประกอบกิจการเอาไปใช้คิดแผนได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น